มีความจำเป็นอย่างยิ่งในเรื่องของค่าคุณสมบัติท่างไฟฟ้าของสาย LAN ว่าค่าต่างๆมีความหมายว่าอย่างไร และมีค่าที่มากหรือน้อยดี เพราะค่าคุณสมบัติต่างทางไฟฟ้านั้นจะส่งผลต่อประสิธภาพการทำงานของระบบเครือข่ายถ้าหากค่าที่วัดได้ไม่เป็นมาคราฐานตามที่กำหนด
มีประโยชน์อีกอย่างทางหนึ่งที่เราสามารถนำค่าดังกล่าวไปใช้ได้คือ ใช้ในการเปรียบเทียบเพื่อคัดเลือกสายLAN ที่ดีมาใช้กับระบบเครือขายของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท่านสามารถอ่านและทำความเข้าใจด้วยตัวท่านเองดังรายละเอียดด้านล่างนี้
Return Loss : เป็นค่าลดทอนของสายสัญญาณที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงค่า Impedance ภายในสาย จึงทำให้เกิดการลดทอน และเกิดสัญญาณสะท้อนกลับ โดยค่าที่ดีควรมากกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้
Attenuation : เป็นค่าลดทอนของสัญญาณที่เดินทางภายในสายสัญญาณไปยัง (ค่าสัญญาณลดทอน) ปลายทาง ในการทดสอบสัญญาณจะทำการวัดค่า attenuation ที่ทุก ๆ ความถี่ตั้งแต่ 1 - 100 MHz และค่าจำกัด (limit) ของ attenuation ที่แต่ละความถี่จะไม่เท่ากัน ขึ้นกับความถี่ ซึ่งค่าไม่ควรเกิน limit ที่กำหนด
NEXT (Near End Crosstalk) : เป็นค่าสัญญาณรบกวนที่เกิดจากคู่สายสัญญาณแต่ละคู่กระทำกัน(สัญญาณรบกวนข้ามคู่สาย) โดยบริเวณที่เกิดสัญญาณรบกวนมากที่สุดจะอยู่บริเวณต้นทาง ดังนั้นค่า NEXT ที่ดีต้องมีค่ามากกว่า limit จึงจะผ่าน
ACR(Attenuation Crosstalk Ratio) : เป็นค่าที่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่าง Attenuation และ NEXT ซึ่งแสดงให้เห็นประสิทธิภาพของสายสัญญาณ โดยดูจากผลของค่าลดทอนและการรบกวนจากสายนอกควบคู่กัน ซึ่งค่า ACR ที่มากกว่ามาตรฐานจะทำให้รับส่งข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น
PSNEXT : Power Sum Near End Crosstalk เป็นค่าการรบกวนของสายสัญญาณ ระหว่างคู่สายสัญญาณคู่อื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในการทดสอบสายสัญญาณคู่นั้น ๆ เหมาะสำหรับระบบที่มีการใช้งานสายสัญญาณพร้อมกัน 4 คู่สาย โดยมีค่าไม่ต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้
ELFEXT : Equal level far End Crosstalk ซึ่งเป็นผลของการรบกวนจากสายสัญญาณคู่อื่น ที่ทำการทดสอบสายสัญญาณคู่นั้น ๆ รวมไว้ด้วยกัน โดยทำการวัดการรบกวนชนิดชี้ ทางด้านปลายทาง ซึ่งต่างกับ NEXT ที่ทำการวัดการรบกวนทางด้านต้นทาง ซึ่งค่ารบกวนมีค่ามากกว่ามาตรฐาน เช่นเดียวกับ NEXT
PSELFEXT : เป็นผลรวมของการทดสอบแบบ ELFEXT โดยเป็นการรบกวนจากสายสัญญาณคู่อื่นรบกวนสายสัญญาณที่ทำการทดสอบ ซึ่งควรมีค่ามากกว่ามาตรฐานที่กำหนด
Delay Skew : เป็นค่าความแตกต่างของเวลา ที่ใช้ในการสื่อสารเทียบกับสายสัญญาณคู่ที่ใช้เวลาน้อยที่สุด หรือเป็นค่าความล่าช้าในการได้นับสัญญาณที่ส่งมาของแต่ละคู่ โดยที่เวลาที่ใช้ในการสื่อสารของแต่ละคู่จะต้องไม่ต่างกันเกิน 50 ns หากเกินช่วงเวลานี้อาจทำให้การติดต่อสื่อสารผิดพลาดได้
Propagation Delay:เป็นค่าของเวลาที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูลจากต้นทางมายังปลายทาง(Propagation Delay)ที่สายแต่ละคู่ใช้มีหน่วยเป็น nanosecond โดยไม่ควรมีค่าเกิน 555 ns
