BELLCOMMS, Patch cord cable J45 Category 6/Cat.6 หรือ สายต่อพ่วงใช้ใบระบบเน็ทเวิร์ค(LAN) สายนี้ปลายทั้งสองด้านจะเป็นหัวต่อชนิด Plug RJ45 และมีมาตรฐานของสายที่จะใช้ เช่น Category 6/Cat.6 หรือ Category 5/Cat.5e ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า สายต่อพ่วงนี้มีไว้สำหรับต่อพ่วงภายในระบบอยู่สองจุดด้วยกันคือ จุดปลายทางระหว่างหัวต่อ Modular Jack RJ45 outlet กับอุปกรณ์ปลายทางที่เป็นระบบ Ethernet ชนิดหัวต่อ RJ45 Jack และ ที่จุดต้นทางระหว่างอุปกรณ์กระจายสัญญาณ หรือ Ethernet Switch กับ แผงกระจายสัญญาณ หรือ Patch Panel เพื่อเชื่อมต่อสัญญาณไปปลายทาง สายชนิดนี้ที่ใช้เป็นมาตรฐานคือภายในของสายจะต้องเป็นทองแดงแท้ชนิดสายฝอย หรือ Stranded wire เพื่อลดอัตราการสูญเสียของสัญญาณบนสายหรือ Loss cable และ จะเป็นสายที่อ่อนนุ่มเพื่อง่ายต่อการจัดระเบียบของสายเมื่อมีจำนวนมากๆ บริษัทมีสินค้าจำหน่ายดังนี้
หัว Plug R45 เป็นสีใส และ boot เป็นสีใส ที่ปลายทั้งสองด้าน
รุ่น C68001-BL Category 6/Cat.6 Patch cord cable Plug R45, 24AWG, ยาว 1 เมตร, สีน้ำเงิน
รุ่น C68002-BL Category 6/Cat.6 Patch cord cable Plug R45, 24AWG, ยาว 2 เมตร, สีน้ำเงิน
รุ่น C68003-BL Category 6/Cat.6 Patch cord cable Plug R45, 24AWG, ยาว 3 เมตร, สีน้ำเงิน
หัว Plug R45 เป็นสีใส และ boot เป็นสีน้ำเงิน ที่ปลายทั้งสองด้าน
รุ่น C64002-BL Category 6/Cat.6 Patch cord cable Plug R45, 24AWG, ยาว 1 เมตร, สีน้ำเงิน
รุ่น C68004-BL Category 6/Cat.6 Patch cord cable Plug R45, 24AWG, ยาว 2 เมตร, สีน้ำเงิน
รุ่น C68005-BL Category 6/Cat.6 Patch cord cable Plug R45, 24AWG, ยาว 3 เมตร, สีน้ำเงิน
Standard
ISO/IEC11801
TIA/EIA568 standards
UL and RoHS compliant
Applications
Networking, Telecommunication
Modular Plug RJ45
รายละเอียดสินค้า
เป็นสายฝอยทองแดงแท้เพื่อลดอัตราการสูญเสียของสัญญาณต่ำ
คุณภาพสูง high quality
อายุการใช้งานที่ยาวนาน
เหมาะสำหรับสายแลน(LAN CABLE) ชนิด Cat5e/Cat.6 ขึ้นไป
เหมาะสำหรับสายต่อพ่วง(Patch cord cable) ชนิด Cat5e/Cat.6 ขึ้นไป
ทำไม!!! เราต้องเลือกใช้สายทองแดงเป็นตัวนำในสายต่อพ่วง หรือ Patch cord cable ในระบบเครือข่ายเน็ทเวิร์ค หรือ ระบบแลน(LAN)
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจในการไหลของกระไฟฟ้ากันก่อนสักเล็กน้อยนะครับ เพื่อไขความลับในการใช้ตัวนำไฟฟ้าที่ดีและถูกต้อง เริ่มกันเลยครับ สัญญานที่จะส่งผ่านไปบนสายไฟก็คือกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านสายไฟฟ้าหรือตัวนำไฟฟ้า โดยมีลักษณะเป็นการไหลของอิเล็กตรอน หากตัวนำไฟฟ้าหรือสายไฟฟ้ามีค่าความต้านทานสูง(Resistance) ก็จะทำให้กระแสไฟฟ้าหรืออิเล็กตรอนไหลผ่านได้น้อย จึงทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานในรูปแบบของความร้อนในสาย ซึ่งเป็นผลจากการชนกันของอิเล็กตรอนกับอะตอมในตัวนำ ความร้อนนี้อาจทำให้สายไฟร้อนและอาจทำให้สายไฟเสื่อมสภาพหรือเกิดความเสียหายได้เพราะไม่สามารถระบายความร้อนได้ดี
และ หากตัวนำไฟฟ้าหรือสายไฟฟ้าที่มีค่ามความตานทานต่ำก็จะทำให้แระแสไฟฟ้าหรืออิเล็กตรอนไหลผ่านได้สูงเกิดการสูญเสียพลังงานต่ำและสายไฟจะไม่เกิดความร้อนก็จะส่งผลทำให้สัญญานที่เราส่งผ่านสายไฟมีเสถียรภาพสูง จะส่งผลโดยตรงต่อระบบของเครือข่ายเน็ทเวิร์คทำงานได้อย่างถูกต้องและเม่นยำ คือจะไม่เกิดอาการใช้ได้บ้างใช้ไม่ได้บางในบางเวลานั่นเอง
เพราะฉะนั้นสรุปได้ว่าการเลือกตัวนำไฟฟ้าที่ดีเหมาะสมกับการใช้งาน เราจะต้องเลือกตัวนำไฟฟ้าที่มีค่าความต้านทานต่ำจะส่งผลทำให้ระบบทำงานได้ดีมีเสถียรภาพสูง และ หากเลือกตัวนำไฟฟ้าที่มีค่าความต้านทานที่สูงระบบก็ทำงานได้ไม่ดีหรือใช้งานไม่ได้นั่นเองครับ มาถึงตรงนี้ผมหวังว่าผู้อ่านจะไขความลับนี้ได้กันแล้วนะครับ
ตัวนำไฟฟ้าที่นำมาผลิตเป็นสายไฟฟ้ามีดังนี้ โดยเรียงจากค่าความต้านต่ำไปหาค่าความต้านทานที่สูง และ อธิบายค่าความต้านทาน ตามด้านล่างนี้
1. เงิน (Silver):
ค่าความต้านทานเชิงจำเพาะ: 1.59 µΩ·cm
ความต้านทานสัมพัทธ์: 0.94 เทียบกับทองแดง
คุณสมบัติ: เป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีที่สุดเนื่องจากมีค่าความต้านทานต่ำที่สุด แต่มีราคาสูง
2. ทองแดง (Copper):
ค่าความต้านทานเชิงจำเพาะ: 1.68 µΩ·cm
ความต้านทานสัมพัทธ์: 1.00 (ถือเป็นมาตรฐานในการเปรียบเทียบ)
คุณสมบัติ: เป็นตัวนำไฟฟ้าที่นิยมใช้มากที่สุดเนื่องจากมีค่าความต้านทานต่ำและราคาสมเหตุสมผล
3. ทอง (Gold):
ค่าความต้านทานเชิงจำเพาะ: 2.44 µΩ·cm
ความต้านทานสัมพัทธ์: 1.45
คุณสมบัติ: มีค่าความต้านทานต่ำแต่มีราคาสูง และมักใช้ในงานที่ต้องการความทนทานต่อการกัดกร่อนและการเกิดออกซิเดชัน เช่น ขั้วต่อไฟฟ้า
4. อลูมิเนียม (Aluminum):
ค่าความต้านทานเชิงจำเพาะ: 2.82 µΩ·cm
ความต้านทานสัมพัทธ์: 1.68
คุณสมบัติ: มีน้ำหนักเบาและราคาถูก ใช้ในงานที่ต้องการลดน้ำหนักเช่นสายไฟฟ้าแรงสูง
5. เหล็ก (Iron):
ค่าความต้านทานเชิงจำเพาะ: 9.71 µΩ·cm
ความต้านทานสัมพัทธ์: 5.78
คุณสมบัติ: มีค่าความต้านทานสูงกว่าทองแดงและอลูมิเนียม ใช้ในงานเฉพาะที่ต้องการคุณสมบัติแม่เหล็ก
สรุป
การเลือกตัวนำไฟฟ้าต้องพิจารณาค่าความต้านทานเชิงจำเพาะและความต้านทานสัมพัทธ์ของวัสดุต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยทองแดงเป็นตัวนำที่นิยมใช้เนื่องจากมีค่าความต้านทานต่ำและราคาสมเหตุสมผล ส่วนอลูมิเนียมเหมาะสมกับงานที่ต้องการลดน้ำหนักและค่าใช้จ่ายต่ำ
สำหรับมาตรฐานสายแลนหรือสายทองแดงตีเกลียวสี่คู่สายในระบบเน็ทเวิร์คนั้น ได้ถูกกำหนดให้ใช้ตัวนำไฟฟ้าที่เป็นทองแดง (Copper) ที่มีความบริสุทธิ์สูงเพื่อให้การนำไฟฟ้าและสัญญาณได้ดี โดยทั่วไปจะใช้ทองแดงที่มีความบริสุทธิ์ประมาณ 99.99% (Oxygen-Free Copper) เพื่อนำมาผลิตเป็นสายเคเบิ้ลใช้งาน
ผลิตภัณฑ์ BELLCOMMS ได้คำนึงถึงเสถียรภาพของระบบเน็ทเวิร์ค อายุการใช้งานที่ยาวนาน และ ต้องเป็นไปตามมาตรฐานดังกล่าวจึงได้ใช้สายทองแดงแท้ที่มีคุณภาพสูงเป็นตัวนำไฟฟ้าเพื่อนำมาผลิตเป็นสายเคเบิ้ลทองแดงตีเกลียวสี่คู่สาย และนำมาใช้เป็นสายต่อพ่วง หรือ สาย UTP patch cord cable เช่นกัน และ ได้มาตรฐานสาย Category 6 หรือ Cat 6 ดังนี้
มาตรฐานสาย Category 6 (Cat 6) Patch Cord Cable ถูกกำหนดเพื่อให้มั่นใจว่ามีคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับการส่งผ่านข้อมูลด้วยความเร็วสูง โดยทั่วไปมีมาตรฐานหลัก ๆ ดังนี้:
1. ความเร็วและแบนด์วิดธ์: สามารถรองรับความเร็วได้ถึง 1 Gbps (Gigabit per second) ที่ระยะทางสูงสุด 100 เมตร และสามารถรองรับความเร็วสูงสุดถึง 10 Gbps ที่ระยะทางสูงสุด 55 เมตร ด้วยแบนด์วิดธ์ 250 MHz
2. โครงสร้างและวัสดุ: สาย Cat 6 มักจะมีโครงสร้างเป็น 4 คู่สายพันกัน (twisted pairs) เพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน (crosstalk) และมีชั้นหุ้ม (jacket) ที่ทำจาก PVC หรือ LSZH (Low Smoke Zero Halogen) เพื่อความปลอดภัยในกรณีที่เกิดไฟไหม้
3. การเชื่อมต่อ: ปลายสายจะใช้หัวต่อ RJ45 ที่รองรับการส่งข้อมูลในมาตรฐาน TIA/EIA-568-B.2-1
4. ความยาวสาย: มาตรฐานระบุให้สาย Cat 6 มีความยาวไม่เกิน 100 เมตรสำหรับการใช้งานทั่วไป (แนวตั้ง 90 เมตร บวกกับสาย Patch Cord 10 เมตร)
5. การทดสอบประสิทธิภาพ: สาย Cat 6 จะต้องผ่านการทดสอบต่าง ๆ เช่น NEXT (Near-End Crosstalk), FEXT (Far-End Crosstalk), และ Return Loss เพื่อรับรองประสิทธิภาพการส่งข้อมูล
6. การติดฉลากและเครื่องหมาย: สาย Cat 6 มักจะมีการติดฉลากเพื่อแสดงประเภทของสายและมาตรฐานที่สายผ่านการรับรอง
มาตรฐานเหล่านี้ถูกกำหนดโดยองค์กรชั้นนำเช่น ANSI/TIA, ISO/IEC และ IEEE เพื่อให้มั่นใจว่าสาย Cat 6 สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
สุดท้ายเราหวังว่าท่านผู้อ่านจะได้นำความรู้นี้นำไปเลือกสายแลนให้เหมาะกับระบบเครือข่ายเน็ทเวิร์คของท่านนะครับ
ติดต่อและติดตามข้อมูลข้าวสารได้ที่ด้านล่าง
Website : www.ncsnetwork.com
Line Official : @ncsnetwork
YouTube: https://www.youtube.com/@ncsnetwork1747/videos
Facebook : https://www.facebook.com/profile.php?id=100063883002843&mibextid=LQQJ4d
Tel: 02-508-0977(20 สายอัติโนมัติ)